ขณะนี้ช้างสารกำลังรบกัน พวกหญ้าแพรกก็แหลกราญ สหรัฐอเมริกายกกำแพงภาษีศุลกากรใส่โลก เอาไปก่อน 10% แล้วจะเพิ่มขึ้นในอีก 3 เดือน จริงๆ อย่างไทยโดนไปแล้ว 36% ประกาศวันแรก แป๊ปเดียวมีการแก้ตัวเลขเป็น 37% (ดูตลกมั๊ย มีตัวเลขผิดด้วย) ต่อมาประกาศเลื่อนให้ 3 เดือน สำหรับประเทศที่ไม่ยกภาษีสู้ อย่างจีนนี่ ยกภาษีสู้ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทรัมป์หงุดหงิด ฟาดให้ไป หลายรอบ ตอนนี้เป็น 145% แล้ว จีนก็ยกใส่ 125% เรียกว่ายกภาษีกันเป็นว่าเล่น ยังกะยกป้ายกระดาษ หรือประมูลราคา ยังไงยังงั้น
ตอนนี้มีคนประท้วงทรัมป์กันเยอะ ในอเมริกา เกือบทุกรัฐ พากันถือป้ายประท้วง ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้หยิ่งทะนง ว่าตัวเองเป็นนักเจรจาต่อรอง หรือ make deal ที่เก่งฉกาจ ขนาดมีหนังสือเป็นของตัวเอง นัยว่าเขากำลังต่อรองกะโลก อยู่ ก็เป็นได้ หนังสือของทรัมป์ชื่อ The Art of The Deal แสดงถึงภูมิปัญญาด้านการค้า เจรจาต่อรองขั้นเทพ ว่างั้น
จริงๆ ศิลปะในการเจรจาที่แท้จริง ควรแสวงหาความร่วมมือ แสวงหาประโยชน์ร่วมกัน ต่างหาก ที่ว่า win-win คือได้กันทุกฝ่าย ควรรักษามิตรภาพ เพราะในยุคนี้ เป็นยุคที่ globalization คือ สินค้า วัตถุดิบ มันมีอยู่ทั่วโลก มีหลายเกรด หลายราคา ดังนััน ถ้าหากใครสามารถบริหารจัดการ supply chain ได้ดีที่สุด ก็จะได้สินค้าที่ดี มีคุณภาพ ในขณะที่ ต้นทุนลดลง การจะเหมาทำทุกสิ่งทุกอย่างเอง เป็นเรื่องล้าสมัย เชย และไม่เกิดประสิทธิภาพใดๆ ความคิดของทรัมป์ นับเป็นเรื่อง ย้อนยุค ล้าสมัย ไม่เข้าสถานการณ์โลกที่เป็นจริง
การที่ทรัมป์จู่ๆก็กระชาก tariff หรือภาษีศุลกากร ภาษีนำเข้าน่ะแหละ พูดง่ายๆ ทำเอาชาวโลกสะดุ้งกันเป็นแถว แล้วมีการบอกตัวเลขผิด มีชักเข้า-ชักออก นับเป็นเรื่อง ไร้เสถียรภาพ ของ USA ขนาดหนัก ขนาดที่ว่า ต่อไป ใครๆ คงไม่ค่อยไว้ใจ ว่า USA จะเชื่อถือได้ อีกต่อไป วันดีคืนดีจะขึ้นนู่น ลดนี่ อะไรอีก ก็ไม่มีใครรู้ได้ หลายประเทศเริ่มคิดเรื่อง การออกห่างจาก USA กันแล้ว บาง order เช่นซื้อเครื่องบิน jet ขับไล่ มีข่าวว่าโยก order ไปประเทศอื่น ก็มี
เศรษฐกิจ USA ต้องพึ่งพา supply chain จากนอกประเทศเยอะมาก หลัก 90%++ ที่จะผลิตจากวัตถุดิบภายในได้ 100% มีน้อยมาก ดังนั้น ตัวเองพึ่งพาโลกอยู่ แต่ดันออกมา กร่าง ใส่โลกซะงั้น ประเทศเล็กๆ ทั้งหลาย จริงๆ ใหญ่ก็มี เช่น อินเดีย พากันรีบไปคุยกับทรัมป์ใหญ่ แล้วทรัมป์ออกมาอวด ว่า พวกนี้พากันไหลมาจูบก้นผมใหญ่ คำพูดคำจา ดูถูกกันมากๆ ลองนึกดูว่า ผู้นำประเทศต่างๆที่พากันไปหา จะรู้สึกยังไง แต่พวกประเทศใหญ่ๆ อย่างจีน ยุโรป แคนาดา ต่างๆ พวกนั้น ยังแข็ง มีความเป็นไปได้ว่า เขาจะหาทาง สร้างเครือข่ายการค้าโลก ใหม่ ขึ้นมา ก็มีความเป็นไปได้
เอาเป็นว่า การกระทำของ USA ได้สร้างความตระหนก แล้วเชื่อว่าน่าจะมีความพยายาม สร้างระเบียบทางการค้าโลก ใหม่ ก็จับตาดูกันต่อไปว่า จะเกิดไรขึ้น จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามจะปรับสมดุล ระเบียบการค้าโลก อยู่เหมือนกัน สถานการณ์เรื่องนี้น่าจะเป็นตัวเร่ง ได้ดีอีกตัว มีบางคนพูดว่า โลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่งก็แน่นอน เอาแค่ตลาด USA อยู่ดีๆ ภาษีนำเข้าก็กระฉูด ปรู๊ดปร๊าด ขึ้นไปขนาดนั้น supply chain โลกก็น่าจะมีการปรับตัว จึงจะขอสรุปว่า มันคงไม่ใช่ Art of the deal อย่างที่ทรัมป์ว่า ซะแล้วล่ะมั้ง